Thursday, June 28, 2007

ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส

ฝรั่งเศสได้จัดให้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสในรอบที่ 2 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม 2550 ที่ผ่านมา ทั้งนี้เพราะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบแรกเมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน 2550 ซึ่งเป็นการแข่งขันกันระหว่างผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีทั้งหมด 12 คน ไม่มีผู้สมัครคนใดได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งตามที่รัฐธรรมนูญฝรั่งเศสกำหนด ทำให้ต้องจัดการเลือกตั้งรอบที่ 2 ขึ้น โดยเป็นการแข่งขันระหว่างผู้สมัครที่ได้คะแนนจากการเลือกตั้งในรอบแรกสูงที่สุด 2 คนแรก ได้แก่ นาย Nicolas Sarkozy ซึ่งได้รับคะแนนเสียงร้อยละ 30.57 ของผู้มาลงคะแนนทั้งหมด และนาง Segolene Royal ซึ่งได้รับคะแนนร้อยละ 25.69 ในการเลือกตั้งรอบแรก

ผลปรากฏว่า นาย Nicolas Sarkozy ผู้สมัครจากพรรค Union pour un Mouvement Populaire (UMP) ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนใหม่ สืบแทนนายฌาคส์ ชีรัค โดยได้รับคะแนนเสียงร้อยละ 53.06 ของผู้มาลงคะแนนเสียงทั้งหมด (มีผู้มาลงคะแนนเสียงคิดเป็นร้อยละ 86 ของผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งทั้งหมด) จึงทำให้ได้รับชัยชนะเหนือนาง Segolene Royal ผู้สมัครจากพรรคสังคมนิยมฝรั่งเศส (Parti Socialiste - PS) ซึ่งได้รับคะแนนเสียงเท่ากับร้อยละ 46.941

นาย Sarkozy ได้กล่าวภายหลังการประกาศอย่างไม่เป็นทางการผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนและสมาชิกของพรรค UMP ที่ได้สนับสนุนมาโดยตลอด และได้แสดงความเสียใจอย่างจริงใจที่นาง Royal มิได้รับชัยชนะในครั้งนี้ ซึ่งตนก็พร้อมที่จะทำงานร่วมกับนาง Royal ในการพัฒนาฝรั่งเศสต่อไป และนาย Sarkozy ได้กล่าวด้วยว่าตนจะเป็นประธานาธิบดีของชาวฝรั่งเศสทุกคน โดยไม่มีการแบ่งแยก เนื่องจากชัยชนะครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นชัยชนะของฝรั่งเศสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เป็นชัยชนะของฝรั่งเศสและชัยชนะของระบอบประชาธิปไตย

นอกจากนี้ นาย Sarkozy ยังได้กล่าวถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาความร่วมมือกับภูมิภาคต่าง ๆ ดังนี้

ภูมิภาคยุโรป นาย Sarkozy เชื่อมั่นในการรวมตัวกันของสหภาพยุโรป แต่เน้นว่าจะต้องรักษาเอกลักษณ์ (identity) ของฝรั่งเศส และต้องรับฟังเสียงของประชาชนที่ต้องได้รับความคุ้มครองด้วย

สหรัฐอเมริกา นาย Sarkozy ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ ประธานาธิบดี Georges W. Bush เห็นว่า ฝรั่งเศสจะต้องคงความเป็นมิตรที่ดีกับสหรัฐอเมริกาไว้ อย่างไรก็ตาม ฝรั่งเศสจะรักษาไว้ซึ่งความเป็นอิสระจากสหรัฐในการดำเนินนโยบายต่าง ๆ ของฝรั่งเศส และว่าสหรัฐจะต้องให้ความร่วมมือในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน ซึ่งนาย Sarkozy จะถือว่าเป็นวาระแห่งชาติที่สำคัญ ทั้งสำหรับฝรั่งเศสและมนุษยชาติ

ภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียน เห็นว่าเป็นภูมิภาคที่มีความสำคัญ และเห็นควรสนับสนุนให้มีการก่อตั้งสหภาพเมดิเตอร์เรเนียนขึ้นมาเพื่อเป็นตัวกลางระหว่างฝรั่งเศสกับภูมิภาคแอฟริกา

ภูมิภาคแอฟริกา ฝรั่งเศสจะร่วมมือกับแอฟริกาในการต่อสู้กับโรคร้ายต่าง ๆ ตลอดจนความอดอยาก และความยากจน โดยจะร่วมมือกันกำหนดแนวนโยบายในเรื่องการอพยพและการพัฒนาเพื่อประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย

สิทธิมนุษยชน นาย Sarkozy ได้กล่าวถึงสตรี เด็ก และผู้ที่ถูกกดขี่ทั่วโลกว่าฝรั่งเศสจะยืนอยู่เคียงข้างบุคคลเหล่านั้น เนื่องจากฝรั่งเศสให้ความสำคัญในเรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ นาย Sarkozy ได้เข้ารับตำแหน่งสืบต่อจากนายฌาคส์ ชีรัค ซึ่งครบวาระการปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา และหลังจากนั้น นาย Sarkozy จะแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสคนใหม่ พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีอีก 15 คน เพื่อทำหน้าที่รักษาการและเตรียมการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งกำหนดมีขึ้นในวันที่ 10 มิถุนายน 2550

นอกจากนี้ สามารถประมวลท่าทีของฝ่ายต่าง ๆ ที่มีต่อผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส ได้ดังนี้

นาง Segolene Royal ได้ออกมากล่าวยอมรับความพ่ายแพ้และขอบคุณชาวฝรั่งเศสกว่า 17 ล้านคน ที่ได้ลงคะแนนเสียงให้ตน และว่า การที่มีผู้มาลงคะแนนมากเช่นนี้ เป็นเรื่องน่ายินดี และเป็นการฟื้นฟูประชาธิปไตย

นาย Jean-Marie Le Pen ผู้สมัครจากพรรค Front National (FN) ซึ่งเป็นพรรคขวาจัด และได้รับคะแนนเสียงเป็นอันดับ 4 ในการเลือกตั้งรอบแรก ได้ออกมาประกาศว่า ประธานาธิบดีคนใหม่ของฝรั่งเศสจะมีอำนาจในการบริหารประเทศน้อยกว่า ผู้ว่าการรัฐของสหรัฐอเมริกา เนื่องจากถ่ายโอนอำนาจของรัฐไปให้กับสหภาพยุโรป และหวังว่าประธานา ธิบดีจะไม่ลืมสิ่งที่ได้สัญญากับประชาชนไว้ระหว่าง การหาเสียง และได้เรียกร้องให้ประชาชนลงคะแนนให้กับผู้สมัครของพรรคในการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 10 มิถุนายน ศกนี้ โดยได้กล่าวว่า พรรค FN ยังคงเป็นความหวังเดียวสำหรับทางเลือกใหม่ของการเมืองฝรั่งเศส

ผู้นำต่างประเทศ อาทิ ประธานาธิบดี George W. Bush นายกรัฐมนตรี Stephen Harper ของแคนาดา และประธานาธิบดี Hu Jintao ของจีน ได้แสดงความยินดีต่อชัยชนะในครั้งนี้ของนาย Sarkozy

ในส่วนของไทยนั้น ท่านนายกรัฐมนตรีก็ได้มีสารแสงความยินดีถึงนาย Sarkozy ด้วยแล้ว

นาย Nicolas Paul Stephane Sarkozy de Nagy-Bocsa เกิดวันที่ 28 มกราคม ค.ศ. 1955 โดยบิดาเขาเป็นเชื้อพระวงศ์ของฮังการีและได้ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ในฝรั่งเศสหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ส่วนมารดาเป็นนักกฎหมายโดยพ่อของ เธอเป็นแพทย์ผู้ย้ายมาตั้งถิ่นฐานจากกรีซ นาย Sarkozy เป็นบุตรคนที่สองในจำนวนบุตรชายสามคน อย่างไรก็ตามบิดาของนาย Sarkozy ได้ทิ้งครอบครัวไปแต่งงานใหม่อีกถึงสองครั้งและมีบุตรอีกสองคน นาย Sarkozy จึงต้องอาศัยอยู่กับคุณตา และหลังจากนั้นมารดาเมื่อเธอจบการศึกษาด้านกฎหมายและได้ทำงานกับลอร์ดแมร์ของ Neuilly-sur-Seine และได้ส่งเสียลูกชายเรียนจนจบกฎหมายและได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกเมือง Neuilly ตั้งแต่อายุ 22 ปีเท่านั้น จากนั้นเขาได้เริ่มเข้าทำงานเป็นผู้นำเยาวชนของพรรค Gaullist ของ Jacques Chirac ซึ่งกำลังทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยแรก นาย ชีรัคชอบสไตล์การทำงานและการกล่าวปราศรัยของนาย Sarkozy มาตั้งแต่ต้นและได้ให้การสนับสนุนจนได้รับการเลือกตั้งเป็นลอร์ดแมร์ที่อายุน้อยที่สุดของ Neuilly ในปี ค.ศ. 1983 เมื่ออายุได้เพียง 28 ปี ตั้งแต่นั้น เขาก็ได้ไต่เต้าทางการเมืองขึ้นมาเรื่อย ๆ จนได้เป็นรัฐมนตรีฝ่ายงบประมาณของนายกรัฐมนตรี Edouard Balladur แต่เมื่อถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1995 เขาได้แปรพักตร์จากนายชีรัคไปเข้ากับฝ่ายนายบัลลาดูร์ แต่นายชีรัคกลับได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี นายชีรัคจึงไม่ได้ให้ตำแหน่งทางการเมืองใด ๆ แก่นาย Sarkozy แต่ด้วยความสามารถและชื่อเสียงของนาย Sarkozy ที่สุดประธานาธิบดีชีรัคก็ต้องเรียกเขากลับมาเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยเมื่อปี ค.ศ. 2002 และได้เป็นรัฐมนตรีคลังในปี 2004 ในช่วงนั้น เป็นที่ชัดเจนว่านาย Sarkozy หวังที่จะได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ ประธานาธิบดีชีรัคซึ่งก็ยังหวังอยู่ว่าจะได้เป็นประธานาธิบดีสมัยที่สามจึงได้บังคับให้เขาลาออกจากตำแหน่งอีกครั้งหนึ่ง แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่เดือน นายชีรัคก็ต้องกลับไปขอให้นาย Sarkozy กลับมารับตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทยอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่ประชาชนฝรั่งเศสได้ออกเสียงไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญของยุโรปในเดือนพฤษภาคม ปี ค.ศ. 2005 และก็ได้ดำรงตำแหน่งนี้เรื่อยมาจนถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีในครั้งนี้ ในช่วงหลังนี้ ถึงแม้ว่าฝรั่งเศสจะประสบปัญหาการจลาจลก่อกวนจากกลุ่มเยาวชนเชื้อสายต่างชาติทั่วประเทศ นาย Sarkozy ก็ได้พยายามปราบปรามจนสำเร็จ ทำให้มีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นอีก

ในด้านชีวิตส่วนตัว นาย Sarkozy ได้หย่าขาดจากภรรยาคนแรกเมื่อปี ค.ศ. 1996 โดยมีบุตรสองคน และได้แต่งงานใหม่กับ Cecilia Ciganer-Albeniz และมีบุตรชายด้วยกันอีกคนหนึ่ง ภรรยาคนที่สองได้ทำงานเป็นผู้ช่วยเหลือที่ใกล้ชิดที่สุดของเขามาหลายปีจนถึงปี ค.ศ. 2005 เมื่อนางได้จากเขาไปมีสัมพันธภาพกับชายคนใหม่ แต่ปัจจุบันทั้งสองได้คืนดีกันแล้ว แต่นางก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการหาเสียงของสามีเลย จนทำให้เกิดข่าวลือว่านางจะไม่ได้เข้าไปอยู่ในวัง Elysee ซึ่งเป็นวังที่พำนักของประธานาธิบดีด้วย

บัดนี้ นาย Sarkozy ได้เข้ารับตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีของฝรั่งเศสเป็นทางการเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมนี้แล้ว เขาได้เข้ามารับตำแหน่งในช่วงที่คนฝรั่งเศสกำลังไม่พอใจกับสภาวะที่เป็นอยู่ของตนแต่ขณะเดียวกันก็ไม่ต้องการความเปลี่ยนแปลงที่รุนแรง อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดี Sarkozy ก็ได้ออกมาประกาศแล้วว่าจะแก้ไขสภาวะเศรษฐกิจที่ฝรั่งเศสกำลังประสบอยู่อย่างแข็งขัน ใน 100 วันข้างหน้านี้ โดยจะแก้ไขกฎหมายการทำงานอาทิตย์ละ 35 ชั่วโมงของชาวฝรั่งเศส จะลดภาษี และจะตัดทอนอำนาจของสหภาพแรงงานลง แต่งาน ชิ้นสำคัญที่รอคอยเขาอยู่ก็คือการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ซึ่งพรรคของเขาจำเป็นที่จะต้องได้เสียงข้างมากเพื่อออกกฎหมายต่าง ๆ ที่ให้คำมั่นสัญญาไว้ได้ นอกจากนั้นคนทั่วโลกก็กำลังจับตาดูอยู่ว่าเขาจะแก้ปัญหาใหญ่ที่บริษัท Airbus กำลังประสบอยู่ได้อย่างไร โดยเฉพาะการที่จะยึดฝรั่งเศสและยุโรปเป็นตัวตั้งในการแก้ไขปัญหามากน้อยเพียงใด สำหรับการไปเยือนต่างประเทศนั้น เขาก็ได้กำหนดที่จะไปเยือนเบอร์ลินและบรัสเซลส์เป็นแห่งแรก ๆ ขณะเดียวกัน ในด้านการต่างประเทศก็เป็นที่น่าสังเกตว่า ในคำกล่าวของเขาไม่มีการให้ ความสำคัญต่อฝ่ายเอเชียเลย ทั้ง ๆ ที่ฝรั่งเศสก็เป็นผู้ก่อตั้ง ASEM ที่สำคัญ ผู้หนึ่ง ซึ่งฝ่ายเอเชียก็หวังว่าจะเป็นความละเลยที่คงจะได้รับการแก้ไขในภายหลังต่อไป.

No comments: