เมื่อพูดถึงนมแพะ หลายคนอาจทำหน้าสงสัยว่ามีความแตกต่าง จากน้ำนมชนิดอื่นๆ ที่เราเคยดื่มกันอย่างไรบ้าง ไม่แปลกหรอก ก็เพราะเราไม่ค่อยจะคุ้นเคยกับ การดื่มนมแพะกันสักเท่าไรนี่ จริงไหม ? เอาล่ะ.. ไปดูคุณค่าที่ซ่อนอยู่ในนมแพะกันเลยดีกว่า เผื่อว่าจะได้ไปลองหามาดื่มดูบ้าง
แพะเป็นสัตว์เลี้ยงเก่าแก่ของมนุษยชาติที่ ให้ประโยชน์ใช้สอยรอบตัว เนื้อและนมใช้สำหรับบริโภค ส่วนหนังและขนใช้ทำเครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ต่างๆ และมูลใช้ทำเป็นปุ๋ย ที่สำคัญแพะเป็นสัตว์ที่มีความสามารถในการปรับตัวให้เข้า กับสภาพแวดล้อมได้ดี จึงสามารถเลี้ยงได้ในหลากหลายสภาพภูมิอากาศเกือบทุกแห่งในโลก
มนุษย์เรารู้จักการดื่มนมแพะมาตั้งแต่ ยุคกรีกโบราณ หลายประเทศในแถบเมดิเตอร์เรเนียนนิยมดื่มนมแพะกันมาก เพราะเชื่อว่า โปรตีนในนมแพะจะทำให้เม็ดเลือดขาวทำงานอย่างมีประสิทธิภาพจึงทำให้ภูมิต้านทานในร่างกายดีขึ้น ถึงขั้นที่มีการกล่าวขานกันว่า “ นมแพะไม่ใช้ยารักษาโรค แต่คนไข้นับพับสามารถ ฟื้นจากอาการป่วยได้เร็วเนื่องจากดื่มนมแพะ ”
นมแพะขึ้นชี่อว่ามีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีขนาดเม็ดไขมันที่เล็กจึงย่อยง่าย หลังจากดื่มนมแพะเพียงประมาณ 20 นาที ร่างกายของเราก็สามารถ ย่อยและดูดซึมนำไปใช้ประโยชน์ได้เลย การที่สารอาหารในนมแพะถูกย่อยและดูดซึมได้ง่ายนี้ ร่างกายจึงนำไปใช้ประโยชน์ได้เต็มที่
จากการทดลองของ Murry และคณะ ซึ่งทำการเลี้ยงลูกสุกรด้วยนมแพะเป็นเวลา 52 วัน พบว่าลูกสุกรมีไขมันสะสมตามส่วนต่างๆของร่างกาย น้อยมากอย่างเห็นได้ชัด และมีความแข็งแรงของกระดูกเพิ่มขึ้นเพราะไขมันจากนมแพะ ย่อยง่ายจึงไม่สะสมในร่างกาย อีกทั้งนมแพะยังมีปริมาณแคลเซียมสูงจึงทำให้เนื้อกระดูกแน่นขึ้น คุณสมบัติดังที่กล่าวมานี้ล้วนเป็นที่ยอมรับของแพทย์แผนปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแพทย์ชาวจีนแผนโบราณ
นอกจากนมแพะ จะไม่ก่อให้เกิดไขมันสะสมแล้ว นมแพะยังมีกรดไขมันชนิดพิเศษชื่อ คาโพรอิก ( Caproic ) คาพรีลิก ( Caprylic ) และคาพริก (Capric) ที่วงการแพทย์กำลังให้ความสนใจ เพราะกรดไขมัน เหล่านี้ช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับการดูดซึมอาหาร ไม่ว่าจะเป็นโรคภาวะดูดซึมสารอาหารบกพร่อง หรือลำไส้เล็กทำงานผิดปกติ การดื่มนมแพะจึงเป็นทางเลือกหนึ่งของผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับ ระบบการดูดซึมอาหาร รวมทั้งผู้ที่มีปัญหากับการดื่มนมชนิดอื่นๆที่สำคัญยังเหมาะกับผู้ป่วย โรคกระเพาะอาหาร เพราะช่วยลดอาการอักเสบอันเกิดจากแผลในกระเพาะอาหารได้ ทั้งนี้เนื่องมาจากนมแพะมีค่า pH อยู่ในระดับ 6.4 - 6.7 ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่เหมาะสมใน การปรับสภาพกระเพาะอาหารให้มีความเป็นกลางนั่นเอง คนที่อยากจะลองดื่มนมแพะก็หมดห่วงเรื่อง ท้องเสียไปได้เลย ยิ่งปัจจุบันการเลี้ยงแพะเริ่มแพร่หลายมากขึ้น เราจึงเริ่มเห็นฟาร์มเลี้ยงแพะ ขนาดใหญ่ที่ให้ความสำคัญทั้งในด้านบุคลากร สถานที่ และอาหาร ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะ ทำให้แพะมีสุขภาพดี อีกทั้งยังมีการควบคุม ตรวจสอบคุณภาพตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข จึงยิ่งสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคในเรื่องของคุณภาพและคุณประโยชน์จากน้ำนมแพะ
ในส่วนของกระบวนการรีดนมแพะ ในฟาร์มแพะขนาดใหญ่นั้นใช้เครื่องจักรที่ทันสมัยเช่นเดียวกับการรีดนมวัว โดยน้ำนมดิบ จะผ่านจากหัวรีดไปเก็บไว้ในแท็งก์ทำความเย็นเพื่อรักษาความสดใหม่จากนั้นน้ำนมดิบจะ ถูกเก็บรักษาไว้ในถังที่ปิดสนิท เพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากเชื้อโรคและฝุ่นละอองก่อนส่งถึง โรงงานพาสเจอร์ไรซ์นมแพะ ซึ่งขั้นตอนนี้น้ำนมแพะจะผ่านกระบวนการพาสเจอไรซ์ด้วยเครื่องจักร ระบบอัตโนมัติที่ปลอดเชื้อตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งบรรจุขวด จากนั้นจะมีการตรวจสอบคุณภาพน้ำนม อีกครั้งในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้มั่นใจว่าได้นมแพะพาสเจอไรซ์ที่สดสะอาด และยังคงคุณค่าทางอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
No comments:
Post a Comment